📞 : 097-009-1831

เปลี่ยน ฟรี ! : เมื่อใส่ไม่ได้ สามารถเปลี่ยนสินค้าได้
สกรีน ฟรี !: สกรีนข้อความ หรือ ชื่อบนรองเท้า ฟรี!!
ผ่อน 0% นาน 4 เดือนน: เมื่อซื้อสินค้า 4,000 บาท ขึ้นไป
Asics-Magic-Speed

Asics Magic Speed [Review]

Run2Paradise ชวนพี่ๆมาร่วมแชร์ประสบการณ์การใช้งานจริงกับ “Asics MagicSpeed”

โดย Run2Paradise เป็นตัวแทนรวบรวมรีวิวจากพี่ๆ โดย R2P หวังว่าการทำโปรเจคข้อมูลจากรีวิวจะช่วยประกอบการตัดสินใจในการเลือกรองเท้าของพี่ๆ ได้ครับ

  1. อาจารย์จรัญ (JRun)

Size 10.5 us 28.25 cm.
น้ำหนัก 255 กรัม
โฟม Blast มี Carbon 2/3
Drop 29-24 = 5 มม.

รองเท้าสมัยนี้ แพงจริงเหรอ

ย้อนหลังไป 10 ปีกว่าๆ ใครได้ครอบครอง Asics sky sensor หรือ Tather japan ต้องจ่ายมากกว่า 7000 บาท

ผมมีโอกาสได้ใช้รองเท้าของเอสิคอยู่ 4 รุ่น Kayano 15 Tather Skysensor และ Lytracer ts ใน 4 คู่นี้ ผมชอบ tather และ lytracer มากที่สุด

วันนี้ผมได้ใช้ รองเท้าค่าย เอสิคอีกครั้ง เป็น Magic Speed

เริ่มด้วยการใส่เดิน 2 กม. จะนุ่มที่ส้นเท้า หน้าเท้าเทไปข้างหน้าตามสไตล์ม้าโยก

ออกไปจ๊อครู้สึกถึงความไหลและนุ่มหน้าเท้า เด้งเล็กน้อย อุ่นเครื่องไป 4 กม.

จัดหนัก 1 กม. ทดสอบความเร็ว เวลาหน้าเท้าลงสัมผัสพื้น มันนุ่มจนรู้สึกจะเสียความเร็ว แต่ก็ได้ความเร็วไม่ธรรมดา เรียกว่า นุ่มเด้ง เหมือนกัน แต่นุ่มมากกว่าเด้ง

จบ 1 กม. ไป Interval 100×10 ดีเหมือนกัน เหนื่อยน้อยหน่อย และคูลดาน์วอีก 2 กม. จบครบกระบวนความ

2. Champ Pipatpon

ย้อนกลับไปสมัยเรียน ในช่วงที่ยังสามารถสมัครแข่งวิ่งได้ในช่วงเช้าวันแข่งขัน และตัวผมยังเน้นซ้อมที่ High intensity มากๆสมัยเป็นนักวิ่ง 5,000 เมตร ซึ่ง Asics นี่แหละครับ เป็นยี่ห้อที่ผมใช้วิ่งในวันที่ต้องทำความเร็วสูงๆอยู่เสมอ จึงมีความรู้สึกคุ้นชินกับแบรนด์นี้อยู่ลึกๆ

✔️ความประทับใจแรกจากรูปลักษณ์ภายนอก

โดนใจกับสีที่โดดเด่น และรูปทรงที่ดูเนียนตา ถ้าเป็นผู้หญิงก็อาจจะเป็นสาวเปรี้ยวที่แฝงความเซ็กซี่ในแววตา ให้ผู้ชายส่วนมากได้เหลียวหลังครับ
👍อันนี้ผ่านมาก

✔️ความรู้สึกเมื่อได้ลองใส่
รองเท้าให้ความรู้สึกไหล เด้ง มีความกระด้าง แต่สบาย คือถ้าจะพูดให้เห็นภาพ มันเหมือนเอารองเท้าแข่งของ ASICS ในยุคเก่า มาทำให้นิ่มสบาย และ เด้งขึ้นครับ และยังให้ความรู้สึกที่มั่นคงกว่าในทุกๆก้าว โดยถ้าเทียบกับ Super Shoes จากค่ายอื่นที่เคยลองใส่ ความรู้สึกอาจจะไม่รู้สึกว่าเด้งเท่า แต่สำหรับผมมันทดกันด้วยความมั่นคงที่มีมากกว่า ซึ่งผมว่าสำคัญในการวิ่งนะครับ และอีกจุดหนึ่ง ทรงของรองเท้ามันเหมือนช่วยเราให้รอบขามันสามารถมาได้เรื่อยๆ จากแรงที่เราส่งออกไป
👍อันนี้เจ๋งจริง

✔️✔️สำหรับผมเป็นรองเท้าที่ดีมากอีกคู่หนึ่งที่เคยได้ใส่มาเลย สายนิ่มอาจจะไม่รู้สึกชอบหรือประทับใจขนาดนั้น แต่ถ้าชอบแนวดิบๆแบบผม ผมว่าคู่นี้ตอบโจทย์มากเลยครับ

ทั้งหมดจากความรู้สึกจริง ไม่มีเรื่องใดแต่งเติมทั้งสิ้น ครับ 😉

3. Bank Golatat

Asic Magic Speed ที่มาพร้อมกับ foam ff blast ตัวเดียวกับ Novablast พร้อม แผ่นคาร์บอน!! ครึ่งนึง(กลางเท้าถึงปลายเท้า)

👉🏻 ฟิวแรกที่ใส่ รู้สึกเบา แต่น้ำหนักจริงไม่เบาขนาดนั้น (249 กรัม 10us) แต่รู้สึกคล่องตัว stable น่าจะเป็นเพราะ foam ff blast ที่ หนึบ เด้ง รวมถึง ทรงรองเท้า ที่เป็น aggressive Rocket shape แค่ใส่เดิน ก็รู้สึกถึงความกลิ้งเท้าไปข้างหน้า

👉🏻ใส่วิ่งจริง วันนี้วิ่ง 12โล pace 4.43 กะวิ่งประมาณ pace 5
แต่รองเท้ามันส่งมากกว่าที่คิด เลยต้องไปตามมัน 555
ความรู้สึกส่วนตัวของผม รู้สึกฟิวคล้ายๆ รองเท้า ที่เป็น flat แบบ sortie magic ,thather japan ด้วยความหนึบ ของพื้นรองเท้า แต่มี แผ่นคาร์บอนและ foamเพิ่มความเด้ง และ ช่วย support มากขึ้น

👉🏻 สรุป เป็นรองเท้าที่วิ่งสนุกมาก แข็งและเด้ง ไม่ยวบเลย แต่อาจจะไม่ได้ไหลขนาดนั้น สาย aggressive หน่อยน่าจะชอบ 555 ผมว่าเหมาะสำหรับการใส่มาซ้อมวิ่งลงคอร์ด หรือวิ่ง tempo ที่ใช้ความเร็วได้ดี หรือแข่งได้บ้าง สามารถใส่ทดแทนรองเท้า super shoe ที่สึกเร็วๆ ได้ดีมาก เพราะตัวนี้ พื้น outsole เป็นเทคโนโลยี Ahar ที่เค้าว่า ทนมากๆๆๆ และแล้ว คู่นี้แหละ ต้องเป็นรองเท้าซ้อมอันดับ 1 ของผมแน่นอน ตอนนี้ 5555

4. Tum BigBoss

กล่าวนำก่อนว่าผมสูง183 หนัก106กิโล ส่วนตัวเป็นชอบรองเท้าแนว Rocker Shape เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มีประสบการณ์วิ่งแค่เกือบ2ปี

First Impression ของรองเท้าคู่นี้ โฟมออกแนวเฟิร์ม สำหรับผม มันเด้งมาก มาทราบตอนหลังว่าใช้โฟมตัวเดียวกับ Asic Novablastแล้วใส่แผ่นคาร์บอน คงต้องใช้เวลานวดสักระยะ ความไหล ความกลิ่งของรองเท้ารู้สึกชัดเจนมาก ผมเป็นคนลงกลางเท้าและส้นเท้า ตอนนี้ผมใส่ไปแล้ว30กิโล หน้าผ้าระบายคือดีมาก ผมชอบอัปเปอร์ตัวนี้มากๆครับ หน้าเท้ากว้างกว่าตัวเรซซิ่งตัวอื่นๆที่ผมเคยใส่แบบเห็นได้ชัดและรู้สึกได้ ดูโปร่ง ระบายอากาศได้ดีเลย ลายบนอัพเปอร์ก็สวยงามมาก
.
พอใส่วันที่2 โฟมนุ่มขึ้นระดับนึงเลยครับ คราวนี้ผมลองเร่งความเร็วจากเพซวิ่งปกติ ก็คือถ้ากดก็ติดเลยครับ โฟมไม่ยวบเลยแม้ตัวผมจะหนักเป็น100โล โฟมเด้งและผลักตัวไปข้างหน้าอีก เป็นรองเท้าที่Perfect และทำได้ดีกว่ากว่าที่คาดหวังไว้อีกแม้เป็นเพียงแค่ตัวรองTop
.
#ข้อดีของรองเท้า Asics Magic Speed

1.อัพเปอร์คือดีงาม ระบายอากาศดีมาก(ชอบส่วนตัวเลย)มีความยืดหยุ่น ใส่สบายมาก

2.เป็นรองเท้าRacing ที่หน้ากว้างกว่าค่ายคู่แข่ง

3.โฟมรู้สึกเด้งและผลักตัวไปข้างหน้า แต่ความกลิ้งเป็นรอง Asic GL2 ที่สำคัญ นน.ตัวผมหนักเป็น100 โฟมไม่ยวบเลย

4.ดูๆแล้วพื้นมีความทนแน่นอน ใส่ได้เกิน1200กิโลขึ้นไปแบบไม่น่าห่วง

5.เป็นรองเท้าที่ใส่แผ่นคาร์บอนและราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่าค่ายคู่แข็งที่มีราคาสูงกว่า

6.เป็นรองเท้าที่ถือว่ามี นน. เบาเลยครับ

7.ตรงHeel Cupด้านในรองเท้ามี(ขออนุญาติเรียกว่านวม) ทำให้รู้สึกสบายตรงเอ็นร้อยหวาย ไม่เสียดสีเลย

#ข้อเสียของรองเท้า Asics Magic Speed

1.คนที่เท้าล้มอยากให้ไปลองที่ร้านก่อนนะครับ ถ้าคนที่เท้าไม่แข็งแรงอาจเจอปัญหา

2.กลางเท้าค่อนข้างแคบระดับนึง เวลากลับตัว หรือเข้าโค้ง อาจจะมีปัญหาได้

3.มือใหม่ที่ต้องการความซัพพอร์ท ความนุ่ม มองข้ามรุ่นนี้ไปก่อนเลยครับ รุ่นนี้อาจจะไม่ใช่คำตอบ

5. Betto

รีวิวสบายสไตล์ นักวิ่งสายแฟชั่น

ได้ยินมาตั้งแต่ต้นปี
ถึงรุ่น Asics Magic Speed
รองเท้าที่ใส่แผ่นคาร์บอน แบบไม่เต็มแผ่น
ก็ยังสงสัย ว่ามันจะให้ความรู้สึกยังไง
เพราะตัวเองแสนจะคุ้นเคยกับ
Vaporfly Next % ไปจนถึง
Vaporfly Next % by you
((วิ่งก็น้อยแต่ก็มี Next % 10 กว่าคู่นะจ๊ะT.T ))

จากการทดลองใส่วิ่งในวันนี้
ระยะทาง 12 กิโล
บนพื้นผิวถนน ลูกรัง และ ฟุตบาท
Magic Speed ให้ความรู้สึก
เด้ง ไหล ยาวๆๆๆ
(เป็นคนชอบวิ่งเอาน้ำหนักลงปลายเท้า)

@ pace 5 จะวิ่งทำความเร็วก็รู้สึกสบาย
@ pace 6 ยิ่งรู้สึกอยากวิ่งไปเรื่อยๆ
(ต้องเอาไปลองวิ่งระยะhalf จะกลับมาบรรยายให้ฟังอีกที)

เนื้อผ้าใส่แล้วไม่รู้สึกอึดอัดหน้าเท้า
(เป็นคนหน้าเท้ากว้างพอสมควร)

อาจจะไม่ปรู๊ดปร๊าด เหมือนใส่ Next %
แต่ก็ไม่ต้องกลัวล้มเท้าพลิก
ด้วยสรีระของพื้นรองเท้าAsics
ที่มีความstable มากกว่า

ถ้าเทียบราคารองเท้าที่มีcarbon
ที่มีขายในท้องตลาด
Asics Magic Speed
ถือว่า เป็นรองเท้าสายPerformance
ที่สามารถเอื้อมถึงได้อย่างสบาย

6. NottKun Runway

ตัวนี้ที่ผมใส่จะเป็นสี Sunrise Red/White 🔥
แต่สีจริงๆเมื่อมองด้วยตาเนื้อแล้วมันจะออกชมพูส้มๆมากกว่าแดงนะครับ
ไซส์ที่ได้ลองคือ 9.5US ปลายเท้าผมจะเหลือประมาณ ความกว้าง 1 นิ้วโป้งมือ พื้นที่ด้านหน้าเท้าถือว่าเป็นรุ่นที่หน้ากว้างเลยครับ ขยับนิ้วได้สะดวก
.
มาลองดูสเปคของ Magic Speed ตัวนี้กันครับ
– น้ำหนักไซส์ 8.5 M 230 กรัม
– มีแผ่น Carbon + TPU ช่วง Forefoot ไม่เต็มเท้า
– โฟม Midsole FlyteFoam Blast + รูปทรง Guidesole (ทรงม้าโยกของเอสิคส์)
– 5 mm Drop ผู้ชาย 29/24 mm / ผู้หญิง 28/23 mm
– ผ้า Upper เป็น Engineered Mesh
– ยาง Outsole AHAR
– ลิ้นรองเท้าแบบแผ่นบาง ตรงส้นเท้ามี Cushion ล็อคข้อเท้า
.
ผมได้ทดลองไป 25 km โดยวิ่งลู่เทรดมิล 20 km และลงถนน 5 km
(วิ่งเพซ 5, 6, 7, 4, 3 เปลี่ยนเพซทุก 1 กม. บนถนนหลังฝนตก)
.
ความรู้สึกส่วนตัวที่ได้ทดลอง คือ
– น้ำหนัก ไม่ได้เบาเท่าตัว Top Racing ของหลายๆค่าย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าหนักอะไร ไม่ได้เป็นภาระ
– เนื่องจากมีแผ่น คาร์บอน+TPU ตั้งแต่กลางเท้าถึงปลายเท้า บวกกับ Guidesole หรือ ทรงม้าโยก (ที่โค้งชัดเจนช่วงปลายเท้า) ทำให้รู้สึกว่าการวิ่งจะมีความดีด และความไหลหากเราเป็นคนที่วิ่งลง กลาง และปลายเท้า หากวิ่งลงเต็มเท้า หรือลงส้นเท้าจะไม่รู้สึกว่ารองเท้าคู่นี้ช่วยอะไรเรามากนัก นอกจากความรู้สึกของโฟม
– ตัวโฟม FlyteFoam blast ที่มากับรุ่นนี้ ให้ความรู้สึกที่ค่อนไปทาง Firm แน่น รับแรงกระแทกได้ แต่ไม่นุ่มนะครับ โฟมพร้อมเด้งส่ง แต่เอาตรงๆ คือยังไม่สุดเทียบเท่า Super Shoes (อะ แน่นอน เพราะตัว Top ของเค้าคือ FlyteFoam Turbo ที่จะมากับ Asics Metaspeed Sky ซึ่งผมได้แอบลองสวมมา อันนั้นเด้งจริง สู้กับตัวท๊อปเรือธงค่ายอื่นได้)
– ดรอบ ตัวนี้อยู่ที่ 5mm ซึ่งน้อยกว่า Racing shoes ทั่วไปที่จะอยู่กันราวๆ 8-10 mm ถ้ารวมกับ Guidesole ทรงม้าโยกของตัวนี้แล้ว ผมคิดว่ามันช่วยส่ง แต่ไม่ได้ส่งแบบหัวทิ่มพุ่งไปข้างหน้าขนาดนั้น และเนื่องจากดูรวมๆ แล้วมันก็จะมีทรงม้าโยกแค่ปลายเท้า ก็อาจจะไม่ได้ช่วยในการควงรอบขามากนัก คิดว่าเน้นเรื่องของการคอนโทรลมากกว่า
– ผ้าอัพเปอร์ 2 ชั้น แต่ก็ยังถือว่าบาง มีความเป็นรูๆ วิ่ง 20 km บนลู่ในห้องพัดลม ก็ไม่ได้รู้สึกร้อนเท้า ถือว่าระบายอากาศดีเลยครับ
– ยาง AHAR ที่เอามาทำ Outsole ให้มาเต็มแผ่น เต็มพื้น ไม่งกเลยครับ ดูหนา และแข็งแรงทนทาน เขาบอกว่าให้มาเยอะเพื่อเพิ่มการยึดเกาะ แต่เกมพลิกนิดนึง หลังจากการทดลองบนพื้นถนน แล้วผมคิดว่ามีลื่นบนถนนที่เปียกนิดหน่อยครับ (ไม่กล่าเทโค้งแรงๆ) แต่ดูจากที่วิ่งไป พื้นยังอยู่ครบ คิดว่าน่าจะใช้ได้นาน อยู่กันไปยาวๆครับ
– ลิ้นรองเท้าบาง ขอบรองเท้ารอบส้นก็บาง ให้ความรู้สึกเป็นรองเท้า Racing หรือ Speed ดีครับ
– Cushion ตรงส้นด้านในรองเท้าก็ช่วยล็อคข้อเท้าดีไม่มีเสียดสีอะไร ซึ่งตอนลองทั้งหมดผมใส่ถุงเท้ายาวครึ่งแข้งนะครับ
– เชือกรองเท้าปกติ ความยาวพอดี ผูกชั้นเดียวก็ไม่หลุดระหว่างวิ่ง รูร้อยเชือกมีรูเพิ่มรูสุดท้ายให้ผูกแบบล็อคข้อเท้า วึ่งผมลองแบบใส่รูสุดท้ายแล้วรู้สึกล็อคข้อเท้าดีกว่าแบบไม่ใส่นิดนึงครับ แต่ไม่ใส่รูสุดท้ายก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่แน่นอะไร ไม่เสียหาย แล้วแต่คนชอบครับ
.
เมื่อเอาแต่ละข้อมาประกอบรวมกันแล้ว
ผมคิดว่ารองเท้าคู่นี้ อยู่ในตระกูล Racing แต่ไม่ใช่ Super Shoes เป็นตัวกึ่งกลางระหว่างใส่ซ้อมและใส่แข่ง
ถ้าเป็นผม ผมจะเอาไว้สำหรับใส่ซ้อมในวันที่มีการใช้ความเร็วมากกว่า Jog หรือ easy run ทั่วไป เช่น Tempo Interval หรือ Fartlek ส่วนตัวคิดว่าเราจะสามารถใช้ประโยชน์จากรองเท้าคู่นี่ได้เต็มที่หากเราเป็นคนที่ลงกลาง และปลายเท้า และใช้ความเร็ว ตั้งแต่ เพซ 6 หรือ 5.30 ลงมา เพื่อให้โฟม (เด้ง) และแผ่นคาร์บอน (ดีด) และ ทรง Guidesole (ไหล) ได้ทำงาน (ผมชอบที่สุดช่วงเพซ 4-5 กดมันดีครับ)
ส่วนเรื่องระยะทางผมว่าไปได้ทุกระยะ
.
สรุปคือเป็นรองเท้าซ้อมที่ดีอีกคู่หนึ่ง (ที่สามารถเอาไปแข่งได้ในยามขัดสน) ซึ่งอยู่ย่านราคาที่ไม่แรงนัก ด้วยความที่พื้นรองเท้าดูค่อนข้างทนทาน น่าจะใช้ได้นาน คิดว่าคุ้มค่าครับ
.
(ตรงไซส์ไม่ต้องเผื่อครับ😁)

7. Freedom Fluke

รีวิวง่ายๆสไตล์ฟรีด้อม😎

แกะกล่องออกมาใส่เลย วันนี้ตั้งใจวิ่งเทส 5k

พอได้ลองรู้สึก เบา นุ่ม เด้ง ไหล

เบา : ที่จริงรองเท้ารุ่นนี้ไม่ได้เบาสักเท่าไหร่ผมชั่ง นน.ได้ที่ 235.5g/ข้าง ไซส์ 9.5 us 27.5cm เมื่อได้ลองใส่จริงมันกลับเบาแบบไม่รู้สึกเป็นภาระขาเลยวิ่งได้แบบสบายยาวๆเลยครับ

นุ่ม : ด้วยโฟม Blast ค่อนข้างหนาที่คอยรับแรงกระแทกได้ดี รู้สึกมั่นคง เฟิร์ม ไม่ยวบ

เด้ง : เริ่วจากการวิ่งวอร์มอัพเพซ 5.45-5.30 ยังไม่รู้สึกดีด หรือเด้งอะไร แต่เมื่อได้กดเพซ 4.45-4.00 รู้สึกว่าเริ่มมันส์ มันบังคับลงกลางเท้า และหน้าเท้า มีการตอบสนองดีขึ้นมารู้สึกพุ่งขึ้นแต่ว่าก็ไม่ได้เด้งอะไรมามาย ถือว่ายังเด้งน้อย

ไหล : ดูลักษณะรองเท้าเห็นเลยว่ามีความโค้ง rocker shape โค้งมาก จึงทำให้การวิ่งไหลๆ รอบขานี่จัดจ้านเลยแหละ วิ่งช้าๆไหลเรื่อยๆก็สนุก ถึงจะวิ่งเร็วก็ยังมันส์ ด้วยความโค้งของพื้นชวนให้ไหลได้เรื่อยๆกับทุกๆความเร็วเลยครับ

Asics Magic Speed ส่วนตัวผมแล้วเป็นรองเท้า racing ที่วิ่งช้าได้สนุกกลิ้งเท้าไหลๆเรื่อยๆ วิ่งเร็วได้ดีระดับหนึ่ง เหมาะกับมือใหม่ถึงระดับอีลิท ในการซ้อม tempo interval รวมถึงใส่แข่งได้เลยครับ

เป็นรองเท้าอีกคู่ที่ควรมี แนะนำเพิ่มไซส์จากปกติ 0.5 จะใส่สบายอีกหน่อยเพราะช่วงหัวรองเท้าค่อนข้างสั้นนิดนึง

8. Pong Run2Paradise

“Magic Speed รวม 3 เทคโนโลยีสุดปังของ Asics ในช่วง 3 ปีหลังไว้ในคู่เดียว”

เทคโนโลยีปังแรก คือ พื้นรองเท้าทรงโค้งหรือ GuideSole ที่ช่วยผลักตัวไปข้างหน้า
เทคโนโลยีปังสอง คือ โฟม FlyteFoam Blast โฟมที่นุ่มเด้งสุดของ Asics ในตอนนี้
เทคโนโลยีปังสาม คือ การใช้ Carbon Plate ไม่เต็มแผ่นเพื่อช่วยดีดผลักตัวไปข้างหน้า

Weight: 230 กรัม สำหรับ US M9 ถือว่าไม่เบาไป หรือหนักไป ใส่ทำความเร็วแบบขีดสุดพอไหว แต่ถ้าจะเทียบกับรองเท้าในสาย Racing จ๋าๆ อาจจะเสียเปรียบเรื่องน้ำหนัก แต่ถ้าเทียบกับรองเท้าสาย Daily Trainer ใส่ซ้อม ใส่แข่ง Magic Speed ถือว่าน้ำหนักดีเลยทีเดียว

Upper: มีความกระชับ ติดเท้า การระบายอากาศดีโดยเนื้อผ้ามี 2 ชั้น ประทับใจในช่วงส้นที่มีนวมบุด้านหลังส้นช่วยให้กระชับ และสบายช่วงส้นมาก แต่ความกระชับในส่วนของกลางเท้าบางทีรู้สึกแน่นถ้าไล่เชือกไม่ดีอาจจะต้องคลายเชือกไล่เชือกหลังจากสวมรองเท้าอีกที

Midsole: FlyteFoam Blast ทำให้คาดหวังว่ารุ่นนี้จะมีความนุ่ม แต่ในความเป็นจริงแล้ว Magic Speed มีความแน่นและเฟริ์มมากกว่า ต้องใช้เวลานวดโฟมซักพักโฟมจะนุ่มขึ้น อาจจะเพราะด้วยทรงรองเท้าแบบ Guidsole และแผ่นคาร์บอน เน้นการกลิ้งผลักตัวไปข้างหน้ามากกว่า ทำให้ช่วงพื้นให้อารมณ์ “แน่น ไหล ดีด ผลัก” ส่วนสำคัญที่ทำให้ประทับใจในส่วน Midsole อีกอย่างคือ ช่วงกลางเท้าค่อนข้างกว้างทำให้รู้สึกมั่นคงมาก

Outsole:พื้นยางแบบเต็มแผ่นมั่นใจเรื่องความทนทาน ส่วนเรื่องการยึดเกาะหลังการใช้งานวิ่งเร็ว ค่อนข้างประทับใจ การเข้าโค้งไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องของพื้นลื่นอาจจะต้องรอในการทดสอบต่อไป

Sizing: เท้าจริง 25.5 cm. เลือกใส่ Asics Magic Speed 27 cm. (US M9) ใส่สบายเหลือช่องว่างประมาณหนึ่งนิ้วโป้งกด หน้าเท้ามีด้านข้างเหลือทำให้มั่นใจได้ว่า

สรุป: Asics Magic Speed เป็นรองเท้าที่รวมความปังในช่วงหลังของ Asics เรียกได้ว่ามีเรื่องเล่าปูทางที่น่าสนใจ และหลังจากลองใส่ กล้าพูดได้เต็มปากกว่าไม่ผิดหวัง ประกอบกับราคาเปิดที่ 5500 เรียกว่าแทบจะถูกสุดในรองเท้าที่มีแผ่นคาร์บอนแล้วเลยยิ่งน่าสนใจ อย่างไรก็ตามรองเท้าไม่ได้มีความนุ่มเท่า Novablast ถ้าคาดหวังความนุ่ม Asics Magic Speed อาจจะต้องผิดหวัง แต่ถ้ากำลังหารองเท้าแนว “แน่น ไหล ดีด ผลัก” ต้องไม่ผิดหวังแน่นอน

 

RUN 2 PARADISE

Leave a comment

Sign up to Newsletter

...and receive $20 coupon for first shopping.

กรณีสินค้าหมด สามารถสอบถามเพิ่มเติมที่ @Run2Paradise ครับ